ทำไมต้องใช้ Google Data Studio เเละเลิกใช้ Excel ในการสร้าง Report

เราทุกคนต่างเคยได้ยินคำว่า “A picture is worth a thousand words.” นะครับดังนั้นการทำข้อมูลให้ออกมาในรูปแบบรูปภาพได้จะสร้างมูลค่าของงานของเราได้อีกหลายเท่านัก

  1. Excel พังบ่อย โปรแกรมไม่เหมาะแก่การทำ Big Data
    1. ทำให้ต้องหา report tools ที่เจ๋งและสามารถรับดาต้าเยอะๆได้
      1. ใช้ตัวไหนดี?
        1. POWERBI?
        2. Data Studio? ตัวนี้ดีสุดถ้าต้องทำงานร่วมกับคนอื่นเยอะๆ

เพราะอะไรถึงใช้ Data Studio?

  1. ฟรี
  2. มี integration ที่เราใช้เยอะมากเลย ไม่ว่าจะเป็น
    1. Google Analytics
    2. Google Ads
    3. Google Search Console
    4. Google Spreadsheet
    5. Facebook Ads (Third party integration)
      1. *Supermetrics
      2. Bing Ads
      3. Adobe Analytics
      4. Analytics Canvas
    6. ต่อกับ Google Support 18 different platform โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ฟรี
    7. MYSQL
    8. Big Query
  3. ทำงานกับหลายๆคนได้
  4. มี Template ให้ใช้งานได้เลยทันที

จริงๆแล้วเวลาเราทำงานกับ Big Data  Google Spreadsheet ยังรับจำนวนไฟล์ใหญ่ๆได้ดีกว่า Excel เยอะ

ยกตัวอย่าง Datastudio Funnel ในการแสดงให้ลูกค้าดู

Objective : Awareness

KPI: Web Traffic
Target : 100,000/ month

KPI: Organic Traffic
Target : 80,000 / month

KPI: Youtube View Traffic
Target : 20,000/ month

Objective : Capture Intent

KPI: New Email Address
Target:5,000 / month

KPI:Paid Email Acquisition
Target:2,000 / month

KPI:Re-market to Disengaged lead
Target:500 / month

Objective : Educate & Nurture

KPI:Nurture Sequences Completed
Target:2000/ month

KPI:New “Foot in door” Customers
Target:400 / month

KPI:Re-engaged Searchers
Target:500 rlsa / month

Objective : Sales and Leads

KPI:Average Order Value
Target: $400 AOV

KPI:Average Purchases/Customer
Target:1.5 Purchases / Customer

KPI:More than one purchase rate
Target: 10% purchase 2x or more

 

KPI + Insight ตามตำแหน่งงาน

  1. C level – Executive Summary
  2. VP – Key Performance Indicators
    1. insight
    2. implication/actions
  3. Manager – Specific Tactics

** only detail they need for their position.

 

What can you build in Data Studio?

สร้าง template ที่เราชอบเท่านั้น เลยแต่ละคนสร้างไม่ตรงกันกับความต้องการของเรา

สร้างเยอะๆ แล้วจะผิดเยอะๆ แล้วจะเรียนรู้ได้เยอะๆ ต้องพยายามเท่านั้นที่จะเก่ง

แต่ Datastudio Dashboard ไม่ได้ช่วยให้ เราเห็น insight มากขึ้น การสร้างแต่ละตัวอยากให้นึกถึง End goal ไว้ก่อน เพราะถ้าเราสร้างโดยการใช้ Paradigm ที่ไม่ดีหรือ Strategy ที่ไม่ดี เราก็เเค่ทำให้มันแย่ลงมากกว่าเดิมเร็วขึ้นเท่านั้น

เพราะฉะนั้นก่อนใส่ตัวเลขใดลงไปใน Report ให้เรานึกให้ดีก่อนว่ามันจะช่วยตอบโจทย์อะไรให้เราจริงๆ

Google Adwords – Campaign Structure ที่ดีที่สุด

1 exact match

2 phrase match (negative – exact)

3 broad match modified (negative – exact & phrase)

สร้างในคีย์เดียวกันโดย แบ่งเป็น 2 Campaign

1 Exact
2 LFW = looking for words

ทำให้เราแบ่งแยกเเละเเยกข้อมูลได้อย่างแม่นยำที่สุด


Passive Income Idea – จากบริษัท Invers

invers.com เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่นำ Innovation มาขาย

สินค้าของเขาคือ Application ที่สามารถสตาร์ทรถผ่านมือถือได้โดยเราสามารถที่จะเอา รถของเรา แชร์ให้คนอื่นใช้งานได้ เพียงให้กุญแจ ผ่าน App ของ Invers

ไอเดียที่นำมาทำได้จริงนี้ขิงบริษัท Invers ทำให้บริษัททำ Subscription Model ได้ทำให้สร้างกำไรได้มหาศาลโดยที่ไม่เหมือน Consulting ที่ใช้เวลาเเลกเงิน แต่ใช้ตัวสินค้าที่ scale ได้โดยไม่เสียเวลาของเรา และได้กำไรกลับมา

ค่า Hardware ไม่น่าเกิน 40$ ต่อเครื่อง แต่ค่า Software ที่ลงทุนมานั้นก็ไม่น้อย แต่สินค้าตัวนี้สามารถขายในราคา Premium ได้เพราะไม่มีคู่แข่งเยอะในตลาด เป็นไอเดียที่มี demand สูง

เหมือนกับบริษัท Drivemate.com (TH startup) ที่หากว่าเรามาใช้กับบริษัท Car for rent แล้วจะทำให้ Invers เป็นคนกลางที่ Win- Win จริงๆครับ

ในไทยเรายังไม่มีบริษัทแนวนี้ ถ้าทำได้นี่ชิลเลย รวยแน่นวน

ไปเที่ยว ญป กัน 2017

เดินทางจาก บ้านใช้  Taxi

เดินทางเข้า airport

ขอ Pocket wifi จากจุดรับ

ในจุดพักรอขึ้นเครื่อง

รูปยิ้มๆ

ลงเอากระเป๋า

เข้ามาซื้อบัตรเดินทาง

รอเดินทาง

แก้ปัญหา Low search volume ใน Google Adwords อย่างไร

สวัสดีครับถ้าเพื่อนใช้ Google Adwords หรือ BingAds ผมคิดว่าเพื่อนๆทุกคนต้องมีปัญหา Low Search Volume นี้กันแน่ๆนะครับ เหตุผลหนึ่งที่เกิดปัญหานี้เพราะว่า Google นั้นเป็น ธุรกิจที่ต้องการผลกำไรที่สูงที่สุดในเงินลงทุนที่ต่ำที่สุด นะครับ

และรายได้หลักของ Google นั้นก็คือเงินที่มาจากการโฆษณาที่เราทุกๆท่านลงเงินไปนั่นแหละครับ โดยที่ยิ่ง Google ใช้ Computer ในการประมวลผลน้อยเท่าไหร่ ก็ทำให้ Google ได้เงินเยอะเท่านั้น โดย keyword ที่เป็นประเภท Longtail keyword หรือ คีย์เวิร์ดที่ ไม่ค่อยมีคน search นั้นทำกำไรได้มากเพราะ ยิ่งคนเสริจคำยาวๆเเล้วแสดงว่าเขาต้องมีความต้องการในการหาทางออกมากนั่นเองครับ

โดยคีย์เวอร์ดพวกนี้เราจะใช้ phrase match, exact match ไม่ได้เพราะว่า Google คิดว่าคำพวกนี้นั้นมันมึคนค้นหาน้อยไม่จำเป็นต้องเสียเวลา Computer ในการประมวลผลและเเสดง โฆษณาใน คำพวกนี้หลอก

หากลูกค้า(เรา)ต้องการที่จะแสดงโฆษณาในคำพวกนี้จริงๆก็ไปใช้ Broadmatch หรือ Broadmatch modified สิ

อย่ามาใช้ exact / phrase หรือ broadmatch modified เจาะๆเลย

เหตุผลที่ Google คิดอย่างนี้เพราะจะดันให้เราไปใช้

ฺbroad match modified หรือ broad match คำที่มันกว้างๆมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น

คำว่า เสื้อผ้าแฟชั่นญี่ปุ่น อยุธยา

ถ้าเราใช้คำนี้ตรงๆใน Google Adwords มันจะบอกว่า Low Search Volume

เพื่อนๆก็ถามว่างั้นทำอย่างไรละเราอยากลงโฆษณาในคำนี้เพราะว่ามันเคยได้ Sale/Conversion

Google (Evil Mode) ก็บอกเราว่างั้นนายต้องใช้คำว่า

+เสื้อผ้า +แฟชั่น  เท่านั้น เพราะมากกว่านั้นมันไม่ขึ้นให้ ให้ขึ้นเป็น low search volume

+เสื้อผ้า +แฟชั่น +ญี่ปุ่น ก็ไม่ได้ เพราะคนค้นหาน้อยไม่ให้ขึ้น

แต่เรารู้แน่ๆว่ามันต้องขายได้แน่ๆ ถ้าเสริจคำนี้มา  เสื้อผ้าแฟชั่นญี่ปุ่น อยุธยา

เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไรให้ขึ้นได้ก็ต้องใช้ broad match modified เพื่อป้องกันไม่ให้มันขึ้นโฆษณาในคำที่เราไม่ต้องการน้อยที่สุด และหมั่นที่จะมาดู search terms เพื่อ negative คำที่เราไม่ต้องการให้โฆษณาเราขึ้นครับ

 

 

Google Adwords Script (Pause Low Search Volume Keywords)

ตัวนี้น่าใช้ครับเพราะว่าเขาวาง Campaign structure แบบเดียวกับที่ผมทำใน Google Adwords campaign ของผม
โดยที่ปัญหาที่ผมเจอทุกๆ Campaign นั้นก็คือ Low Search Volume ครับเพราะบางคำที่เป็น Low Search Volume นั้นเป็น Longtail keyword ที่ได้มาจาก Broadmatch modified หรือ Phrasematch โดยที่คำดั่งกล่าวนั้นเป็นคำที่ไม่ค่อยมีคน Search เท่าไหร่ทำให้โฆษณาเราไม่ขึ้นถ้าไม่ทำเป็น Broad match หรือ Phrase Match
วิธีแก้ปัญหาคือต้องกลับไปใช้ Broad match , Broad match modified หรือ Phrase Match ครับ
แต่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้เร็วๆได้อย่างไร ใน Comment ของคุณ
 Dimtiris Tzemos ได้เขียนไว้เมื่อ  February 2017
จาก url : https://www.en.advertisercommunity.com/t5/Advanced-Features/Script-to-stop-low-search-volume-keywords/td-p/204792#
Pausing low search volume keywords may have a positive effect on your account performance. Especially if you use campaign-level separation between exact and broad keywords (example: 1 campaign with exacts, 1 campaigns for broads, all exact keywords as negatives to the broad campaign)
Pause คำค้นหาที่เป็น low search volume นั้นอาจจะช่วยให้มีผลลัพท์ที่เป็น + กับ Account performance ของ google adwords ของคุณ โดยเฉพาะคนที่ structure campaign แยกกันระหว่าง Exact match campaign กับ broad match campaign ยกตัวอย่างงเช่น ( 1 campaign ด้วย exact match และ 1 campaign สำหรับ broads โดย คีย์เวอร์ด exact match ใน campaign exact match นั้นจะ negative ใน แคมเปนที่เป็น broad match ด้วย)

You can filter low search volume keywords by using SystemServingStatus variable from KEYWORD_PERFORMANCE_REPORT. See here: https://developers.google.com/adwords/api/docs/appendix/reports/keywords-performance-report

คุณสามารถ filter คำทีเ่ป็น low search volume ออกด้วยการใช้ SystemServingStatus variable จาก KEYWORD_PERFORMANCE_REPORT. ดูจากลิ้งนี้ต่อ https://developers.google.com/adwords/api/docs/appendix/reports/keywords-performance-report
โดยที่ Adwords Script ของคูณจะดูเหมือนแบบนี้นะครับ
Your Adwords script must look like:
var keywords = AdWordsApp.keywords()
                   .withCondition(“SystemServingStatus = ‘RARELY_SERVED'”)
                   .get();

while(keywords.hasNext()) {
var keyword = keywords.next();
keyword.pause();
}

 

หรือลองใช้ Ready to use script จากตัวนี้

AdWords Script to Pause/Remove Low Search Volume Keywords

หรือ ลองอ่านบทความของ PPCHero ต่อได้ที่นี่

https://www.ppchero.com/low-keyword-search-volume-no-problem

ใครที่สนใจอ่าน Google Adwords (Google Ads) Script ต่ออย่าลืม subscribe ได้นะครับเดียวจะลงเทคนิคเพิ่มเรื่อยๆ

Keyword Research Tools ตัวไหนดี

วันนี้เราจะมาแนะนำตัว keyword research tools สุดเด็ดที่ผมใช้มาแชร์ให้เพื่อนๆได้ทดลองใช้กันนะครับ

1 Ahrefs.com

2 Keywordtool.io

3 Kwfinder.com

4 Google Trends

4 ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวที่สุดยอดที่สุดแล้วครับ ตัวอื่นนี่ผมว่า Basic ไปเลย

ไม่ว่าจะเป็นตัวฟรีอย่าง Google Keyword Tools หรือตัวอื่นๆครับ

เรามาดูกันว่าแต่ละตัวทำงานอย่างไรนะครับ

Ahrefs.com ($$$)

ตัวนี้เสียเงินแต่ก็ยังมี 14 Day Trial ให้เราทดลองใช้บริการได้ฟรีๆอยู่น่ะครับ

keywordtool.io

ตัวนี้ฟรีและเสียเงินด้วย แล้วแต่เราเลือกนะครับผมจะใช้ตัวนี้ในการหา longtail keyword เอามาปั่นเว็บไซด์ต่อได้น่ะครบ

kwfinder.com

ตัวนี้เสียเงินแต่ว่ามันเป็นตัวที่ทำให้เราเห็นเทรนของคีย์เวอร์ดนั้นๆด้วย

ถ้าจะให้เลือกระหว่างสี่ตัวนี้หากผมต้องการแค่ทำ keyword research อย่างเดียวไม่ต้องทำ Competitor analysis ด้วยผมจะใช้ตัวนี้ืทำเพราะข้อมูลที่สำคัญๆแสดงออกมาใน table ดูง่ายและ FIlter ได้ชิลๆครับ

Google Trends เป็น Tools ฟรี

ผมเอาไว้ใช้เล่น keyword trends เพราะว่า keyword ชุดใหม่ที่เกิดใหม่ตามเทรนนั้นยังไม่มีคู่แข่งทำให้เว็บไซด์ที่ยังไม่มี Authority (ความน่าเชื่อถือ)ในสายตา Google นั้นติดอันดับได้เช่นเดียวกันครับ

 

SEO Basic – Noindex และ NoFollow คืออะไร

สวัสดีครับเพื่อนๆวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง Meta robots ในการใช้งาน noindex & nofollow กันน่ะครับ

Meta robots คืออะไร?

อธิบายง่ายๆมันก็คือ คำสั่ง Meta คำสั่งหนึ่งนี่แหละที่เอาไว้ให้บอทอ่าน ว่าหน้าไหนที่เราอยากให้บอททำอะไรบ้าง ใส่ระหว่าง คำสั่ง <head> </head>

ความหมายของ noindex และ nofollow

noindex – บอกบอทว่าไม่ต้องเก็บอินเด็กหน้านี้ เว็บไซด์ในหน้านี้ก็จะเสริจหาไม่เจอใน Google

nofollow – บอกบอทว่าไม่ต้องตามมาที่หน้านี้ไม่ต้อง หาลิ้งต่อไม่ต้องไต่ไปต่อในหน้านี้

noarchive – บอกบอทว่าไม่ต้องเก็บ Cache ในหน้านี้น่ะ

คำสั่งตัวอย่าง

  • <meta name=”robots” content=”noindex” />
  • <meta name=”robots” content=”noindex,nofollow” />
  • <meta name=”robots” content=”index,follow” />
  • <meta name=”robots” content=”index,follow,noarchive” />

แล้วแต่เราเลือกใช้เลยครับ

ถ้าเราต้องการให้ กูเกิ้ลไม่ต้องตามหน้าต่อไปและไม่ต้อง index เว็บไซด์เราด้วยก็ใช้ noindex,nofollow

Hackaton 2018 First Time

“Get it done is better than perfect.”

Nothing is right or wrong.. It’s just how we interpret it in our own views.

All in all it’s a fun experiences that we can learn from each others.

If you take it seriously every idea is worth investing in.

But once we look at the business perspective. If that tiny bits make more money then it’s have more priority.

The world is running by $$$ but should be happy :):):) as well.